จดบันทึก ช่วยผอม
ประเทศที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ก็เพราะมีคนคอย จดบันทึก นี่แหละถึงได้มีการพัฒนา ปรับปรุงแก้ไขไม่ให้ผิดซ้ำซาก คนที่ จดบันทึก อาหารที่กินและกิจกรรมที่ทำ ก็ย่อมมีโอกาสประสบผลสำเร็จกับการลดน้ำหนักได้มากกว่า เพราะการจดบันทึก มันแสดงให้เห็นถึงความใส่ใจ และสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้
.
คนที่ลดน้ำหนักแล้วไม่เคยจดบันทึกอะไรเลย ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จหรอก แต่ถ้าบ่นน้ำหนักไม่ลดซักทีขึ้นมา ไม่มีใครช่วยได้เลยนะ อย่างถ้าถามว่าสองวันก่อนกินอะไรไปบ้าง ใครมันจะไปจำได้ล่ะ พอใครถามก็อาจบอกว่าไม่ค่อยกินอะไรมากหรอก ก็กินเช้า กลางวัน ส่วนตอนเย็นไม่ได้กิน บางทีก็ออกกำลังกายด้วย
.
ที่บอกว่าเย็นไม่ได้กิน นี่ไม่หิวแย่หรอ เป็นไปได้ยังไง ที่บอกว่าไม่ค่อยได้กินอะไรมากหรอก เย็นก็ไม่กินเลย แถมออกกำลังกายอีกด้วย เห็นความผิดปกติจากคำพูดนี้มั้ยคะ เย็นไม่กิน แต่ออกกำลังกาย คงยากล่ะค่ะที่จะมีแรงออกกำลังกาย และคงยากล่ะค่ะที่จะไม่กินอะไรเลยจริงๆ ส่วนที่ว่าออกกำลังบ้างเนี่ยะ ทำกี่วันก็ไม่รู้ ออกครั้งละกี่นาทีก็ไม่รู้
.
เรื่องแบบนี้มันต้องมีหลักฐาน แม้แต่เจ้าตัวยังไม่แน่ใจเลย แล้วคนอื่นจะแน่ใจได้ยังไง เห็นมั้ยว่าการ จดบันทึก ระหว่างการลดน้ำหนัก มันสำคัญขนาดไหน
.
ข้อดีของการ จดบันทึก
1. เถียงไม่ขึ้น
คนที่เถียงไม่ขึ้นไม่ใช่ใครอื่นเลย ก็ตัวเราเองนั่นแหละ เราจะเห็นสิ่งที่เรากิน สิ่งที่เราทำจริงๆ มันเป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่ความรู้สึก เอาไปให้คนที่รู้ดู เขาก็จะบอกได้ว่าออกกำลังกายแบบนี้มันน้อยไป หรือกินแบบนี้มันมากไป
.
2. อายตัวเอง
ได้มองตัวเองในอีกมุมมองหนึ่ง ตอนกินก็คืออยากกิน กินไปก็ลืม ไม่รู้ตัวว่ากิน แต่พอกลับมาอ่านดูอาจคิดว่า เฮ้ย…นี่เรากินหมดนี่เลยหรอ กินเข้าไปได้ไง(วะ)
.
3. ไม่อยากเสียประวัติ
การจดบันทึกมันทำให้มีหลักฐาน เป็นจิตวิทยาที่ทำให้เราไม่อยากเสียประวัติ เวลาจะกินอะไรที่ไม่ควรกิน ก็จะคิดแล้วว่า ไม่กินดีกว่า บันทึกของเราจะได้ดูดีหน่อย
.
4. ได้ฝึกนับแคลอรี่
แน่นอนว่าเราไม่สามารถคำนวณแคลอรี่ได้ทุกอย่างหรอก แต่อย่างน้อยก็ได้รู้แคลอรี่คร่าวๆบ้าง ดีกว่ากินไปเท่าไหร่ก็ไม่รู้เลย
.
5. จับผู้ร้ายตัวจริง
ที่เราเคยคิดว่า ก็ไม่ค่อยได้กินอะไรเลยนะ พอมาดูบันทึกสิ จับผู้ร้ายได้ทันทีเลย น้ำผลไม้ กาแฟ ของหวาน ของทอด ของบางอย่างที่คิดว่าไม่อ้วน แต่มันเป็นแหล่งน้ำตาลชั้นยอด เช่น น้ำผลไม้ 1แก้ว มีแคลอรี่พอๆกับข้าวสวยทัพพีโตๆเลยนะ
.
6. ได้ข้ออ้างปฏิเสธ
ปฏิเสธได้ทั้งตัวเอง และปฏิเสธคนชวน พอมีคนชวนไปกินมื้อใหญ่ๆปุ๊บ ก็เปิดบันทึกดูซิว่า ครั้งล่าสุดเราเพิ่งจะกินมาวันไหน แล้วเดือนนี้กินไปกี่ครั้งแล้ว หมดงบกินแล้วหรือยัง
ถ้ามันติดกันเกินไปก็จะได้อ้างกับตัวเองได้เลยว่าไปไม่ได้แล้วนะ หรืออ้างกับคนอื่นได้ว่าเพิ่งจะกินไปเมื่อ…หมดงบกินแล้ว ไว้โอกาสหน้านะจ๊ะ
.
7. แก้เบื่อ
บางทีเราก็อาจมีกินเพื่่อแก้เครียด แก้เบื่อ แก้เหงา หยิบป๊อกกี้กัดไปเรื่อยๆ ไม่หิวหรอก แต่ไม่รู้จะทำอะไร
นี่เลยเปิดสมุดบันทึก วาดรูปอาหารที่กิน ระบายสีให้อ่านง่ายดูน่ารัก จัดเรียงให้เป็นระเบียบ วางแผนว่าพรุ่งนี้ สัปดาห์นี้จะกินอะไร ใช้วัตถุดิบอะไร จะได้เตรียมซื้อได้
จะออกกำลังกายแบบไหน ตอนไหน กี่นาที โอ๊ย…มีอะไรต้องทำอีกเยอะ ทีนี้ก็ไม่เซ็ง ไม่เบื่อแน่นอน
.
8. สะดวกต่อวางแผน
เราสามารถรู้ได้ว่าที่ผ่านมากินแป้งเยอะไปมั้ย วันนี้มีแต่แป้งทั้งนั้นเลย โปรตีนน้อยไปแล้ว ต่อไปต้องเพิ่มโปรตีนซักหน่อยแล้ว ไขมันมากไป ขนมเว่อร์ไป ผักไม่ค่อยมีเลย ผลไม้เพียงพอรึเปล่า วันต่อๆไปเราก็จะรู้จักแบ่งสัดส่วนได้เหมาะสมมากขึ้น
.
9. นับเวลาออกกำลังกายได้
จากบทความนี้ ควรคาร์ดิโอกี่นาที ที่บอกว่าถ้าอยากลดน้ำหนักก็ต้องคาร์ดิโอสัปดาห์ละ 250 นาทีขึ้นไป หรือคิดง่ายๆเป็นวันละ 50 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน
ทีนี้พอเรามีบันทึกแล้ว เราก็สามารถบวกเวลาได้แล้ว อาจจะไม่สะดวกทำทีเดียว 50 นาทีก็แบ่งเป็นทีละ 15 นาที เช้า เย็น ว่างก็ทำ แล้ว จดบันทึก ลงไป
แล้วก็คอยตรวจสอบดูว่าสัปดาห์นี้เราออกกำลังกายเกิน 250 นาทีแล้วหรือยัง
.
10. วางแผนฝึกกล้ามเนื้อ
คนทั่วไปมีเวลาออกกำลังกายอย่างมากก็ 1 ชั่วโมง ยิ่งคนที่กำลังลดน้ำหนัก ยิ่งต้องให้เวลากับการคาร์ดิโอมากกว่า
เช่นให้เวลาทั้งหมด 1 ชั่วโมง ก็แบ่งคาร์ดิโอซัก 50 นาที อีก 10 นาที ก็เป็นการฝึกกล้ามเนื้อ ซึ่งเวลา 10 นาทีนี้เราจะสามารถโฟกัสที่กล้ามเนื้อได้แค่ไม่กี่มัดเท่านั้น และเพื่อให้กล้ามเนื้อได้มีเวลาฟื้นตัว แปลว่า เราต้องแบ่งวันฝึก เช่น วันจันทร์ฝึกขา วันพุธฝึกลำตัว วันศุกร์ฝึกแขน
นี่แหละที่การจดบันทึกจะเข้ามาช่วยจำ ให้เราไม่หลงวัน ดังนั้นอย่าลืมจดลงไปเลยว่า จะฝึกกล้ามเนื้อวันไหนบ้าง ตอนไหน กี่นาที ฝึกมัดไหน
.
อย่าลืมหลักการลดน้ำหนักที่สำคัญที่สุดคือ ต้องควบคุมแคลอรี่จากอาหาร รวมให้ได้น้อยกว่าแคลอรี่ที่เผาผลาญออกไป ไฟเบอร์ควรได้รับอย่างน้อยวันละ 25 กรัม และจำกัดไขมันให้น้อยกว่า 35%ของแคลอรี่ที่ได้รับทั้งหมด
และอย่าบ่นว่ามันยุ่งยาก มันลำบากเลย เคยได้ยินมั้ยคำว่า No Pain , No Gain ของสูงอยากได้ก็ต้องปีนป่าย
.
เขียนโดย ezygodiet.com