น้ำหนักลด แต่ ไขมันไม่ลด
หลายๆคนยังเข้าใจผิดว่า น้ำหนักตัว คือมาตรฐานการวัดความอ้วน/ความผอม ปัจจัยจริงๆที่เป็นเกณฑ์วัดว่าอ้วนหรือผอมที่ดีที่สุดคือ “เปอร์เซ็นไขมัน” ในร่างกายต่างหาก
ลดน้ำหนักได้เยอะก็อย่าหลงระเริง เพราะไขมันของคุณอาจไม่ได้ลดตามไปด้วยเลย
ผลที่ตามมาก็คือ น้ำหนักจะขึ้นง่าย และกลับมาอ้วนอีก ดังนั้นต้องโฟกัสที่เปอร์เซ็นต์ไขมันดีกว่าค่ะ
ตัวอย่าง น้ำหนักน้อยกว่า แต่ไขมันมากกว่า
นาย A | นาย B | |
ส่วนสูง | 170 | 170 |
น้ำหนัก | 80 | 90 |
เปอร์เซ็นต์ไขมัน | 25% | 22% |
น้ำหนักไขมัน | 20 กก. | 20 กก. |
น้ำหนักอื่นๆ | 60 กก. | 70 กก. |
ทั้ง A และ B มีความสูงเท่ากัน
นายA น้ำหนัก 80 กก. วัดเปอร์เซ็นต์ไขมันได้ 25 % นั่นหมายความว่า A มีไขมันในร่างกาย (25 x 80) / 100 = มีไขมัน 20 กก. และน้ำหนักอื่นๆที่ไม่ใช่ไขมันอีก 60 กก.
นายB น้ำหนัก 90 กก. วัดเปอร์เซ็นต์ไขมันได้ 22 % นั่นหมายความว่า B มีไขมันในร่างกาย (22 x 90) / 100 = มีไขมัน 20 กก. และน้ำหนักอื่นๆที่ไม่ใช่ไขมันอีก 70 กก.
สังเกตุว่า แม้นายB จะมีน้ำหนักที่มากกว่า มีไขมันเท่านายA แต่มีเปอร์เซ็นต์ไขมันน้อยกว่า
แปลว่านายB น่าจะรูปร่างดีกว่านายA
ตัวอย่างผลลัพธ์ลดน้ำหนักแบบผิดวิธี
นาย A ก่อน ลดน้ำหนัก |
นาย A หลัง ลดน้ำหนัก |
|
น้ำหนัก | 80 กก. | 70 กก. |
เปอร์เซ็นต์ไขมัน | 25% | 29% |
น้ำหนักไขมัน | 20 กก. | 20 กก. |
น้ำหนักอื่นๆ | 60 กก. | 50 กก. |
จากตารางจะเห็นได้ว่า นายA ลดน้ำหนักได้ถึง 10 กิโลกรัม แต่กลับมีเปอร์เซ็นต์ไขมันสูงขึ้น
อาจเป็นไปได้ว่า นายA เร่งลดน้ำหนักจากส่วนอื่นที่ไม่ใช่ไขมัน
เช่น สูญเสียกล้ามเนื้อ สูญเสียน้ำในร่างกาย สูญเสียมวลกระดูก แต่มีไขมันเท่าเดิม มีโอกาสที่น้ำหนักจะกลับมาง่ายมาก หรืออาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ดังนั้นจึงจะเห็นได้ว่าการลดไขมันที่ถูกต้อง ควรคำนึงถึง ปริมาณเปอร์เซ็นต์ไขมัน (Bodyfat%) มากกว่าน้ำหนักตัว
เปอร์เซ็นต์ไขมันมีตัวแปลสำคัญคือ สัดส่วน ถ้าน้ำหนักลดลงแต่พุงไม่ไปไหนเลย วัดเปอร์เซ็นต์ออกมาก็จะเพิ่มขึ้น หรือผอมลงก็จริง แต่เนื้อห้อย เหลว
แบบนี้น่าจะเป็นคนที่มีลงพุงอยู่แล้ว ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประจำ ติดหวาน ติดขนม แป้ง น้ำตาล แต่มาเร่งอดอาหารแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เร่งลดน้ำหนักเร็วๆ 10 กก.ภายใน 1 เดือน
ลดไขมันต้องใช้เวลา
การลดไขมันนั้นก็เหมือนกับการสะสมไขมันเช่นกัน เราไม่สามารถสะสมไขมันได้มากๆในช่วงเวลาจำกัด แม้เราจะพยายามกินมากแค่ไหนก็ตาม หลังจากเกินปริมาณที่ร่างกายจะเก็บได้จริงๆ ก็จะถูกขับถ่าย
การลดไขมันก็เป็นวงจรเดียวกัน เราไม่สามารถลดไขมันได้มากๆภายในเวลาสั้นๆ แต่จากน้ำหนักตัวที่ลดนั้น อาจจะมาจากกล้ามเนื้อที่สูญเสียไปส่วนหนึ่ง หรือ น้ำในร่างกาย
ระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการลดไขมัน คือ การลดไขมันโดยให้น้ำหนักตัวลด ประมาณ 0.5-1 กก. ต่อสัปดาห์ ถ้ามากกว่านี้อาจจะเกิดจากการสูญเสียกล้ามเนื้อ และ การเสียน้ำในร่างกาย
การตั้งเป้าหมาย ของการลดไขมัน
ควรตั้งเป็นเป้าหมายระยะยาว เช่น โปรแกรมการลดไขมัน ที่มีระยะเวลาตั้งแต่ 8-12 สัปดาห์ขึ้นไป หรือจำง่ายๆคือ
ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันที่ต้องลด และ ปัจจัยต่างๆ เช่น ความสามารถในการจัดและควบคุมอาหาร
การลดไขมันให้ได้มากที่สุด แต่รักษากล้ามเนื้อให้ได้มากที่สุด เพราะการที่เราไม่เสียกล้ามเนื้อ ไประหว่างการลดไขมัน ทำให้เปอร์เซ็นต์ไขมันเรา ลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากสัดส่วนที่เป็นไขมันหายไป น้ำหนักตัวลดลง แต่กล้ามเนื้อยังอยู่เหมือนเดิม
ข้อควรระวังการลดน้ำหนัก
ควรระวังการสูญเสียกล้ามเนื้อระหว่างลดไขมันนั่นเอง โดยสามารถควบคุมได้โดยการ จัดโปรแกรมอาหารที่ดี มีโปรตีนมากเพียงพอ พลังงานไม่ลดต่ำจนเกินไป
วิธีตั้งเป้าหมายน้ำหนัก จากเปอร์เซ็นต์ไขมัน