รู้ระดับความอ้วน
การลดน้ำหนักต้อง รู้ระดับความอ้วน ของตัวเองก่อน ว่าตัวเราเองน้ำหนักเกินมากแค่ไหน หรือถ้าให้บอกตามตรง คือต้องยอมรับความจริงให้ได้ก่อนว่าเราอ้วนมากแค่ไหน ไม่ใช่ว่าน้ำหนักเกินตั้งเยอะ แต่คิดจะลดแค่3-5 กก. หรือน้ำหนักเกินแค่นิดเดียว แต่อยากลดเป็นสิบกิโลกรัม รู้ระดับความอ้วน ว่าอยู่ตรงไหน ไม่ได้น่าอายอะไรเลยที่จะยอมรับว่าตัวเราอ้วน แต่จะน่าชื่นชมซะอีก ที่เมื่อรู้แล้วหาทางแก้ไข
รู้เบอร์ความอ้วน
เพื่อให้เห็นภาพ แอดมินขออนุญาติเปรียบเทียบกับเบอร์ของไข่ไก่ละกันนะคะ
อ้วนเบอร์ 0
คือ น้ำหนักเกิน 40 กก.ขึ้นไป ควรใช้เวลาลดน้ำหนัก มากกว่า 1 ปี
อ้วนเบอร์ 1
คือ น้ำหนักเกิน 30 -39 กก. ควรใช้เวลาลดน้ำหนัก มากกว่า 8 เดือน
อ้วนเบอร์ 2
คือ น้ำหนักเกิน 20 -29 กก. ควรใช้เวลาลดน้ำหนัก มากกว่า 6 เดือน
อ้วนเบอร์ 3
คือ น้ำหนักเกิน 10 -19 กก. ควรใช้เวลาลดน้ำหนัก มากกว่า 4 เดือน
อ้วนเบอร์ 4
คือ น้ำหนักเกิน 1-9 กก. ควรใช้เวลามากกว่า 2 เดือนขึ้นไป แต่ถ้าน้ำหนักไม่เกิน แต่มีหน้าท้องยื่น ขาใหญ่ ก้นใหญ่ ไม่ฟิต ไม่กระชับ ดูมีส่วนเกินอยู่ ก็ต้องฝึกกล้ามเนื้อสร้างความฟิต ซึ่งจะใช้เวลามากกว่าการลดน้ำหนักซะอีก
ต่างเบอร์ ต่างลด
เราต้องแข่งกับตัวเองเท่านั้น ถ้าคุณอ้วนเบอร์ 4 แต่เห็นคนอ้วนเบอร์ 1 ลดน้ำหนักได้เร็วกว่า ก็นึกอิจฉาว่าทำไมเราไม่ลดได้แบบนั้นบ้าง อัตราการลดน้ำหนักของแต่ละเบอร์ ย่อมไม่เท่ากัน โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 15-25 % ของน้ำหนักที่เกิน เช่น ถ้าน้ำหนักเกิน 20 กก. ก็น่าจะลดได้ 3-5 กก./เดือน ถ้าน้ำหนักเกิน 10 กก. ก็น่าจะลดได้ 1.5-2.5 กก./เดือน คนที่น้ำหนักเกินเยอะ ย่อมลดได้มากกว่า คนที่น้ำหนักเกินน้อย
ตั้งใจมาก ได้ผลมาก
รูปแบบของการลดน้ำหนักของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป เราต้องยอมรับตัวเองด้วยว่า ที่ผ่านมาเราตั้งใจสมกับผลลัพธ์ที่ได้มั้ย
เกรด A+ ลดน้ำหนักแบบบ้าพลัง ออกกำลังกายมากกว่าปกติ ควบคุมการกินดีมาก
เกรด A ลดน้ำหนักแบบเคร่งครัด ตามโปรแกรม ตามแผน สม่ำเสมอ.
เกรด B ลดน้ำหนักแบบเรื่อยๆ หลุดบ้าง พักบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะทำได้
เกรด C ลดน้ำหนักแบบไม่พร้อมจะลด ทำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะไม่ตามแผน
ตลอดระยะเวลาการลดน้ำหนัก ก็อาจมีทุกรูปแบบผสมปนเปกันไป แต่ขอแนะนำให้ประคองรูปแบบส่วนใหญ่ ให้อยู่ระดับเฉลี่ยเกรดB+