ลดน้ำหนักแต่ติดของหวาน

ลดน้ำหนักแต่ติดของหวาน

ลดน้ำหนักแต่ติดของหวาน

     การลดน้ำหนัก กับ ของหวาน ตามหลักการมักอยู่ร่วมกันไม่ค่อยได้ เพราะของหวานเป็นอาหารที่มักมีแคลอรี่สูง และทานได้ไม่รู้จักอิ่ม  แต่ไม่ได้หมายความว่า ลดน้ำหนักแล้วจะทานของหวานไม่ได้ซักหน่อย มาดูกันว่าสำหรับคนที่ ลดน้ำหนักแต่ติดของหวาน ควรทำอย่างไร

.

     อย่างที่เคยบอกว่า การทำให้น้ำหนักลดลง ก็แค่ทำให้แคลอรี่ขาเข้า น้อยกว่า แคลอรี่ขาออก ต่อให้เราทานของหวานทั้งวัน แต่แคลอรี่รวมขาเข้า ก็ยังน้อยกว่าขาออกอยู่ดี เราก็สามารถลดน้ำหนักได้ (ถ้าไม่ได้คำนึงเรื่องสุขภาพนะ)

.

     นั่นคือในทางทฤษฎี  แต่ในทางปฏิบัติ เค้กชิ้นนึงก็ 350 – 450 แคลอรี่ แล้ว   แต่แคลอรี่ไม่ใช่ปัญหา เพราะข้าวราดแกงจานนึงก็ 350-500 แคลอรี่  แต่ข้าวทานแล้วอิ่ม ขนมมันไม่อิ่ม   เมื่อไม่อิ่มก็ต้องทานอย่างอื่นเพิ่ม   หรือทนหิวระหว่างวัน แล้วก็จะไปตะบะแตกทีหลัง

.

     แอดมินเคยทานบุฟเฟ่ต์ ทานของคาวจนแน่นท้องไปหมด คิดว่าคงใส่อะไรเข้าไปอีกไม่ได้แล้ว  แต่พอหยิบของหวานมาเท่านั้นแหละ มีที่เหลือในกระเพาะทันที ใส่ได้เรื่อยๆ

.

     อาหารที่ทำให้ลิ้นรับรสอร่อยๆ  มักจะเป็น แป้ง น้ำตาล ไขมัน  ซึ่งทำให้น้ำหนักเพิ่มง่าย  เพราะเราจะได้รับแคลอรี่ที่แทบจะนึกไม่ถึง  และต้องระวังขนมถุงบางอย่าง ที่มีไขมันทรานส์ และโซเดียมสูง

.

     อีกทั้งการทานของหวาน ก็ทำให้เรา รู้สึกผ่อนคลาย ก็ยิ่งทานมากขึ้นจนหยุดไม่อยู่  จึงเป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้อ้วนง่าย  ไม่ใช่เพราะของหวานทำให้อ้วน  แต่เพราะการทานของหวาน มีโอกาสสูงที่จะได้รับแคลอรี่เกิน

.

     ดังนั้น การทานของหวาน ไม่ใช่สิ่งที่จะคู่กับการลดน้ำหนักไม่ได้  ของหวาน น้ำตาล ขนม ก็คือสารอาหารหลักอย่างหนึ่ง ที่ให้พลังงานต่อร่างกาย  ที่สำคัญคือ มันทำให้เราคลายเครียด จากการต้องลดน้ำหนักเป็นเดือนๆ

.

หลักการทานของหวาน ระหว่างลดน้ำหนัก

    • รู้จักเบรค   จงมีสติว่า ของหวานชิ้นนี้ เราต้องการทานมันจริงๆมั้ย   เราชอบมันมากหรือเปล่า   หรือทานเพราะแค่ว่า มันมาอยู่ตรงหน้า   ยับยั้งชั่งใจ  ไม่ใช่ห้ามทานเลยแม้แต่ชิ้นเดียว  แต่ให้ทานได้แบบตั้งลิมิตให้ตัวเองก่อน  จำไว้ว่าเราทานขนมเพื่อสนองความอยากของลิ้น ไม่ได้ต้องคิดทานให้รู้สึกอิ่ม เพราะมันไม่มีทางอิ่มแน่ๆ

.

    • รู้จักแบ่ง   จงวางแผนไว้เลยว่า  จะทานกี่ชิ้น กี่ถุง ตอนไหนบ้าง  แบ่งใส่กล่องตามปริมาณที่จะทาน 1 ครั้ง  ถ้าเราหยิบมาทานทั้งถุง  ก็มีโอกาสสูงที่จะหยิบต่อโดยไม่รู้ปริมาณ  แล้วพออยากทานค่อยซื้อ  ไม่ต้องตุน

.

    • รู้จักบวก   ฝึกอ่านแคลอรี่ข้างถุงซักหน่อย  ตัวเลขอาจทำให้เราเข้าใจผิดบ้าง  คำนวณแคลอรี่ต่อชิ้น/ต่อเสิร์ฟ ให้เป็น  แอดมินแนะนำว่า ไม่ควรเกิน 100 แคลอรี่ต่อครั้ง  หรือ 300 แคลอรี่ต่อวัน   ถ้าไม่รู้แคลอรี่ของขนมนั้นจริงๆ ไม่เป็นไร ให้กะประมาณให้ไม่เกินมื้อละ 1 กำมือของเราเอง

.

วิธีเลือกทานของหวาน ระหว่างลดน้ำหนัก

     ถ้ารู้สึกว่า ของหวานเป็นสิ่งที่ทำให้  ชีวิตของเรายังมีชีวาอยู่  เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้มีกำลังใจสู้ต่อไป  คงต้องหาทางเลือกสรรขนมที่พอมีประโยชน์ ดังนี้

    • ขนมที่ผ่านการแปรรูปน้อยที่สุด เท่าที่ทำได้   เช่น กล้วยปิ้ง ขนมกล้วย ลูกเดือยน้ำกะทิ เต้าทึง ฟักทองนึ่ง ถั่วแปบ ฯลฯ  ขนมแบบไทยๆ ขนมแบบธรรมชาติ บ้านๆ  มีดีอีกเยอะแยะ

.

    • เลี่ยงขนมบรรจุซองต่างๆ    เช่น มันฝรั่งทอด ขาไก่  คุ้กกี้  คัสตาร์ดเค้ก ขนมกรุบกรอบ  ถ้าชอบจริงๆ ก็ให้จำกัดปริมาณ  ซื้อแต่ซองเล็กๆ พอทานครั้งเดียว  เพราะขนมพวกนี้ ไม่มีคุณค่าทางสารอาหารอะไรเลย  แถมยังมีโซเดียม และไขมันทรานส์สูงมาก  เป็นอันตรายต่อหลอดเลือด

.

    • เลือกของหวาน ที่มีผลไม้ ผัก ไส้ต่างๆ เป็นส่วนประกอบ   เช่น ขนมปังไส้ถั่วแดง ยังดีซะกว่า ครัวซองทาเนย

.

    • เลือกของหวานที่ ใช้วิธีอบ มากกว่าวิธีทอด   เช่น ขนมปังไส้กะหรี่ไก่ ยังจะดีซะกว่า โดนัททอดไส้กะหรี่ไก่

.

    • เลือกเครื่องดื่ม ที่มีโปรตีน เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต ยังดีซะกว่า น้ำอัดลม

.

    • เลือก น้ำผลไม้จากธรรมชาติ  เช่น น้ำส้มคั้น ยังดีซะกว่า น้ำส้มกรดซิตริก

 

    • ถ้าปากแค่ต้องการความหวาน  ไม่ติดขนมอะไรเป็นพิเศษ  ให้เลือกผลไม้รสหวานแทนขนม  เช่น มะม่วง กล้วย

.

     ที่แนะนำให้ทานของหวาน ไม่ใช่การส่งเสริมให้ทานของหวาน  การไม่ทานของหวานดีกว่าอยู่แล้ว  แต่ในความเป็นจริงของบางคนไม่สามารถทำได้จริงๆ   อีกทั้ง ของหวาน ขนมต่างๆ ไม่ใช่ของเลวร้ายอะไร  เพียงแต่เราต้องเลือกให้เป็น  ทานให้พอดี  ควบคุมแคลอรี่ให้ไม่เกิน  เพียงแค่นี้สำหรับคนที่   ลดน้ำหนักแต่ติดของหวาน   ก็สามารถมีความสุขได้ด้วย

เขียนโดย ezygodiet.com

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.