อาการท้องป่องหลังกินข้าว ทั้งๆที่ไม่ได้กินเยอะมาก จนทำให้ต้อง
ขยับรูเข็มขัด เขยื้อนขอบกางเกง ทำให้ดูอ้วนขึ้น เรียกว่า “ท้องอืด ท้องเฟ้อ”
.
อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เป็นโรคประจำตัวของดิฉัน หรือเป็นโรคประจำตระกูลเลยก็ว่าได้
ตื่นเช้ามาท้องจะแฟบมาก หน้าท้องแบนราบ มีกล้ามท้องแล็กน้อย
แต่พอหลังจากกินข้าวเช้า ก็จะเริ่มท้องป่อง แล้วก็ป่องจนถึงดึกเลย
.
สาเหตุของอาการท้องป่องจากการท้องอืด ท้องเฟ้อ
1. อาหารไม่ค่อยย่อย อาจเป็นเพราะ กินเร็วเกินไป กินไปคุยไปทำให้ไม่ค่อยเคี้ยว
ก็เลยทำให้กระเพาะทำงานหนัก ย่อยอาหารไม่ทัน
2. กินอาหารรสจัดๆ มันจัดๆ เผ็ดจัดๆ
3. กินอาหารพวก ถั่ว บล็อคโคลี่ กะหล่ำปลี ฯลฯ อาหารที่ย่อยแล้วทำให้เกิดแก๊สมาก
4. กินน้ำอัดลม กินน้ำแบบใช้หลอด(ทำให้กินอากาศเข้าไปไม่รู้ตัว)
5. เครียด อารมณ์แปรปรวน ร่างกายไม่แข็งแรง พักผ่อนไม่พอ
6. มีสาเหตุที่นึกไม่ถึงคือการกินลูกอม หมากฝรั่ง ก็มีโอกาสที่จะกินอากาศเข้าไปด้วย
.
วิธีแก้อาการท้องป่องจากการท้องอืด ท้องเฟ้อ
1. กินน้ำข้าว นมถั่วเหลือง โยเกิร์ต หรืออาหารอ่อนๆ ให้บ่อยๆทุกๆ2-3ชม.
แต่กินทีละน้อยๆ หรือกินก่อนมื้ออาหาร10-15นาที เพื่อเคลือบกระเพาะ
2. สมุนไพรหาง่ายๆ ที่ช่วยขับลมเช่น ขิงแก่ ตะไคร้ เปลือกมะนาว เอามาต้มดื่ม
สำหรับคนลดน้ำหนักไม่ต้องใส่น้ำตาลนะคะ กินตอนอุ่นๆ ช่วยขับลมดีมากๆ
บางสูตรบอกให้กินกระเทียมสดๆ 5-7กลีบ กินพร้อมกับข้าวไปเลย ถ้าขืนให้กินสดคงไม่ไหว
3. มหาหิงคุ์ ไม่รู้ว่าเด็กสมัยนี้จะรู้จักกันรึป่าว แต่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
เอามาทาที่หน้าท้องเหนือสะดือ แล้วเอากระเป๋าน้ำร้อนมาประคบ ช่วยขับลมได้ดีมากๆเช่นกัน
4. กินเสร็จอย่าเพิ่งล้มตัวนอน อดทนเดิน หรือนั่งตัวตรงๆ สักพักให้อาหารได้ย่อย ลมได้ออก
5. คลายเครียด ให้มีอารมณ์ดี เวลาที่ท้องอืด จะปวดหัวร่วมด้วย วิธีที่ดิฉันทำประจำ
เวลาไม่รู้จะหาอะไรมาคลายเครียด คือการยิ้มกว้างๆ อยู่ดีๆก็ยิ้มไม่มีสาเหตุ
นอกจากทำให้คนรอบข้างยิ้มไปด้วยแล้ว ยังทำให้กล้ามเนื้อบริเวณขมับคลายตัวได้จริง
6. ไม่ต้องถึงขั้นกลัวถั่ว ที่ทำให้เกิดแก๊ส เพราะเป็นอาหารที่มีคุณค่า
ให้ใช้วิธี กินทีละน้อยๆ แต่บ่อยๆแทน
7. อย่าเห็นแก่กิน กินให้พอดี ไม่ให้อิ่มเกินไป กินช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด
8. นวดบริเวณต้นคอ ไหล่ กดจุดบริเวณกลางกระหม่อม เบ้าตา ขมับ
ฝ่าเท้า ข้อเท้า ฝ่ามือ โคนนิ้วมือ
9. ยาลดกรด ยาแก้ท้องอืด ยาพิมเสนใช้ดมใช้ทาท้อง ใช้ได้ทุกขนาน
เขียนโดย ezygodiet.com
หากคิดว่าบทความนี้พอมีประโยชน์บ้าง
อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ แสดงความคิดเห็น
แบ่งปันให้เพื่อนๆ มีสุขภาพดีๆ กันถ้วนหน้าด้วยนะคะ